Thursday, February 17, 2011

ข้อผิดพลาด10ประการของ ผู้ลงทุนในตลาดอนุพันธ์ ตอนที่1


1. Don’t know Regulations and Rules การที่ไม่ได้ศึกษาถึงกฎกติกาให้ดีก่อน เช่น สินค้าอ้างอิงว่าเป็นสินค้าอะไร ,เงื่อนไขการวางหลักประกัน, วันหมดอายุสัญญา, มูลค่าของสัญญา ,วีธีการคำนวนราคา Daily Settlement price และ Final Settlement Price ซึ่งข้อผิดพลาดเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการลดทอนเงินทุนและกำลังใจของผู้ลง ทุนก่อนถึงเป้าหมายได้ เปรียบเสมือนเกมส์การแข่งขันในกีฬาแต่ละประเภท หากไม่ศึกษาถึงกฎกติกาวิธีการเล่นอย่างชัดเจนแล้ว ก็ยากที่จะชนะหรือได้เปรียบต่อนักลงทุนรายอื่นได้ ซึ่งตัวอย่างที่จะเห็นได้ง่ายๆ คือการที่เข้าเปิดสถานะซื้อสัญญาที่กำลังจะหมดอายุ โดยมีราคาสูงกว่า ราคาสินค้าอ้างอิงอยู่มาก ทำให้เมื่อถึงวันหมดอายุสัญญา ต้องขาดทุนอย่างที่ไม่ควร เป็นต้น


2. Hold 2 positions  การเปิดสถานะสองด้าน
การเปิดสัญญา 2ด้านใน Series เดียวกัน (2 legs position) หรือการทำ hedging ด้วยการ Long และ Short คนละSeries (เดือน หมดอายุไม่เท่ากันแต่สัญญาสินค้าอ้างอิงเดียวกัน) โดยมีวัตถุประสงค์ที่ต้องการแก้ไขพอร์ตการลงทุนหรืออยากทำกำไรทั้งสองด้าน (ทั้งขึ้นหรือลง)  ซึ่งที่ผมเห็นส่วนใหญ่นั้นเกิดจาก สาเหตุที่นักลงทุนมีการลงทุนที่ผิดทางในครั้งแรกแต่ไม่ยอมปิดสถานะจึงเลือก ที่จะทำการถือสถานะทั้งสองด้านเพราะไม่อยากปิดสัญญาด้านแรกที่จะเห็นตัวเอง ขาดทุนดังนั้นจึงหลอกตัวเองด้วยการไม่ปิดสถานะเพราะไม่ปิดก็ไม่เห็นการขาด ทุน  ซึ่งความเป็นจริงกำไรและขาดทุนมีการคำนวนอยู่ใน พอร์ตทุกวันอยู่แล้ว ซึ่งการเปิดสถานะทั้งสองด้านนั้นจะเห็นว่ามีอีกด้านหนึ่งที่เป็นกำไร แต่ก็ไม่อาจมาชดเชยด้านขาดทุนที่เกิดขึ้นในครั้งแรกได้ แต่อย่างไรก็ดียังมีนักลงทุนส่วนมากที่คิดว่าจะสามารถแกะสถานะทั้งสองด้าน เพื่อทำให้สุดท้ายเกิดกำไรขึ้นทั้งสองด้านซึ่งความเป็นจริง อาจทำได้ยากมากถ้าวันนั้นตลาดไม่ได้แกว่งตัวมากหรือมีทิศทางที่ชัดเจนหรือ การแกะสถานะให้พอดีก็ค่อนข้างยาก  ดังนั้นการเปิด สถานะทั้งสองด้านจะเป็นปัญหาและอุปสรรคมากกว่า เนื่องจากจะทำให้การตัดสินใจของผู้ลงทุนจะไม่เฉียบคมเพราะการถือสถานะทั้ง สองข้างจะทำให้เกิดความลังเลใจเนื่องจากจะมีด้านหนึ่งกำไรและด้านหนึ่งขาด ทุนอยู่ตลอดเวลาซึ่งผู้ที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนตลาดฟิวเจอร์ ส่วนใหญ่นั้นจะตัดใจด้วยการปิดสถานะทันทีเมื่อทิศทางไม่ได้เป็นอย่างที่คิด  จากนั้นค่อยหาจังหวะใหม่ในการเปิดสถานะใหม่


3. Over Trade การลงทุนเกินกำลังของตัวเอง
เนื่องจากการลงทุนในตลาดอนุพันธ์หรือ Futures นั้นใช้หลักประกันเพียงบางส่วนเพื่อทำการซื้อขายสัญญา ซี่งบางสินค้า ใช้เงินหลักประกันเริ่มต้นเพียง 10% เท่านั้น ดังนั้นหากผู้ลงทุนมีหลักประกันหรือเงินลงทุนที่น้อยแต่อยากที่จะลงทุนเพิ่ม มากขึ้นเรื่อยจนเต็มเพดานวงเงินที่สามารถเล่นได้ โดยลืมประเมินถึงมูลค่าของสัญญา และความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงในการขาดทุนได้

หรือ อาจเปรียบเทียบกับ ผู้ที่ได้กำไรในการลงทุนและเปิดสถานะเพิ่มตลอดเพื่อต้องการทำกำไรให้ได้สูง สุด ซึ่งจะนำมาให้ผู้ลงทุนเกิดความโลภจนลืมคิดว่าเงินที่ลงทุนจริงอาจไม่เพียงพอ หากตลาดกลับทางกับสิ่งที่ตัวเองคิดไว้

ดัง นั้น จึงเห็นได้ว่าบ่อยครั้งที่ผู้ที่มีกำไรในช่วงแรกจนได้ใจ และเกิดความโลภ ก็จะนำมาซึ่งการขาดสติ และมักจะทำให้เกิดความเสียหายตามมา เปรียบเสมือนนักพนันที่เล่นตามบ่อนซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อใดควรหยุดหรือถอย ก็จะยอมจบเมื่อหมดตัวเท่านั้น



4. Overnight trade การเปิดสถานะข้ามวัน
บาง ช่วงเวลาหากประเมินสภาวะตลาดหรือมองทิศทางของแนวโน้มไม่ออก การเปิดสถานะค้างไว้เพื่อลุ้นในวันถัดไป ก็คงไม่ต่างอะไรกับการพนัน ที่เพียงเดาว่ามันจะขึ้นหรือลง ซึ่งบ่อยครั้งจะเห็นได้ว่ากำไรที่สะสมมาระหว่างวัน กับมาต้องพนัน กับสิ่งไม่แน่นอน หรือควบคุมไม่ได้ในช่วงข้ามคืน  ดังจะเห็นได้จากราคาทองคำที่มีการซื้อขายอยู่ตลอด 24 ช.ม. แต่เวลาที่เราสามารถควบคุมได้(หยุดขาดทุนได้) ก็มีเพียงช่วงเวลาเทรดเท่านั้น ซึ่งสถานการณ์อาจเปลี่ยนไปในช่วงข้ามคืนในขณะที่เราไม่สามารถควบคุมความ เสี่ยงได้เลย หรือการซื้อขายดัชนีล่วงหน้า SET50 ที่อาจมีแนวโน้มเปลี่ยนไปในช่วงกลางคืนจากการผันผวนของดัชนีตลาดต่างประเทศ เช่น Dowjone ก็อาจส่งผลในทิศทางตรงกันข้ามในช่วงเวลาเปิดตลาดของวันถัดไปก็เป็นได้ 
ดังนั้น การปิดประตูความเสี่ยง ได้คือการไม่มีสถานะ ในช่วงที่เราไม่สามารถควบคุมการลงทุนของเราได้



5. Alway to be the Victor ต้องการเป็นผู้ชนะตลอดเวลา
ไม่ มีใครที่สามารถลงทุนหรือเทรด ได้ถูกต้องตลอดเวลา ดังนั้นการแพ้ชนะ ในเรื่องการลงทุนเป็นเรื่องปรกติที่เปรียบดังเกมส์กีฬา ที่จะมีทั้งกำไร และขาดทุนบ้างผสมกันไป โดยสิ่งที่เหลือคือการพัฒนาทักษะที่จะสามารถให้ครั้งที่ถูกมากกว่าครั้งที่ ผิด (Win/loss Ratio) รวมถึงการควบคุมความเสี่ยงและผลตอบแทน (Risk and Reward) เพื่อให้การขาดทุนได้ถูกจำกัดและการที่ได้กำไรต้องมีสัดส่วนที่มากกว่าปริมาณขาดทุนเป็นเท่าตัวขึ้นไป

แต่ บ่อยครั้งที่จะเห็นว่า ผู้ที่เคยประสบความสำเร็จจากการลงทุนในหุ้น ที่ถือคติไม่ขายไม่ขาดทุน อาจนำมาใช้กับตลาดอนุพันธ์ไม่ได้เพราะ เนื่องจากความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ที่มีการกำหนดระยะเวลาของอายุสัญญา รวมถึงการคำนวนกำไรขาดทุนเป็นวัน และต้องมีการเรียกหลักประกันเพิ่ม ดังนั้น การทนถือ เพื่อไม่ยอมตัดขาดทุน อาจต้องทำให้เติมเงินไม่รู้จบ หรือการขาดทุนอาจจะมีมากกว่าเงินหลักประกันที่เริ่มใช้ในตอนแรกก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นสำหรับผู้ที่ไม่ยอมแพ้ (ไม่ยอม Cut loss) ก็คือผู้ที่แพ้อย่างแน่นอนในตลาดอนุพันธ์


สำหรับตอนต่อไป มาพบกับข้อผิดพลาดที่เหลืออีก 5ข้อ ว่าจะเป็นอะไรบ้าง

source: http://www.investorchart.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=382925

บัตรเครดิต CITI M Visa



โปรโมชั่น บัตรเครดิตอภิสิทธิ์ระดับโลก 
ประจำเดือน กุมภาพันธุ์ 2554


บัตรเครดิตอภิสิทธิ์ระดับโลก
โปรโมชั่น 1 :
รับ 1,000 คะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด* เพื่อแลกรับกระเป๋าเดินทาง President รุ่น Ultra Light มูลค่า 3,750 บาท (Code 31635) เพียงใช้จ่ายผ่านบัตรฯ 1 ครั้ง ภายใน 30 วัน
รับเพิ่ม 4,000 คะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด* โปรโมชั่นพิเศษเฉพาะการสมัครบัตรฯ ผ่านออนไลน์เท่านั้น เมื่อมีการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ครบ 5 ครั้ง ภายใน 30 วันหลังจากได้รับบัตรฯ ฟรี ค่าธรรมเนียมรายปี ปีแรก
ฟรี ค่าธรรมเนียมรายปี ปีแรก

หรือ
โปรโมชั่น 2 :
รับ M Point 4,000 คะแนน* เพียงใช้จ่ายผ่านบัตรฯ 1 ครั้ง ภายใน 30 วัน
รับเพิ่ม 4,000 คะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด* โปรโมชั่นพิเศษเฉพาะการสมัครบัตรฯ ผ่านออนไลนเท่า์นั้น เมื่อมีการใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ครบ 5 ครั้ง ภายใน 30 วันหลังจากได้รับบัตรฯ
ฟรี ค่าธรรมเนียมรายปี ปีแรก

























ธปท.ชี้แบงก์ไทยแกร่งไม่ถูกปิดซ้ำรอยเกาหลี

ธปท.ยันสถานะการเงินธนาคารพาณิชย์ไทยแกร่ง! ไม่มีปัญหาขาดสภาพคล่องจนถึงขั้นต้องปิดกิจการซ้ำรอยธนาคารในเกาหลี


EUR/USD intraday on 17 Feb. 2011

EUR/USD intraday: rebound. Pivot: 1.3525

Most Likely Scenario : Long positions above 1.3525 with targets @ 1.3615 & 1.367 in extension.

Alternative scenario : Below 1.3525 look for further downside with 1.3495 & 1.346 as targets.

Comment : the pair has rebounded on its support as the RSI is turning up.



Fxpro Intraday snapshot in USD/GBP

Thursday, february 17, 2011

EUR/USD
The pair has struck against its resistance and is pulling back on its new support ahead of a further up move. Suggest long positions above 1.3525 with targets at 1.3615 and 1.367. The downside penetration of 1.3525 will call for a slide towards 1.35 and 1.346.
 
GBP/USD
The pair has rebounded on its support and is challenging its new resistance, a pull back should not be ruled out ahead of a further up move. Suggest long positions above 1.6045 with 1.615 and 1.6185 in sight. The downside penetration of 1.6045 will call for a slide towards 1.602 and 1.5985.
 
USD/JPY
The pair remains within a bullish channel. Suggest long positions above 83.3 with targets at 84 and 84.15. The downside breakout of 83.3 will open the way to 83.15 and 82.75.
 
AUD/USD
The pair and its intraday RSI have broken above their declining trend lines. Suggest long positions above 1 with targets at 1.0075 and 1.011 in extension. Below 1 look for further downside with 0.9965 and 0.9945 as targets.

Wednesday, February 16, 2011

มุมวิเคราะห์เทคนิค ของ ktzmico

ณ วันที่ 17 กพ 2554 

มุมวิเคราะห์เทคนิค
- Update ASP กับ KGI ทั้งสองหุ้นนี้ ยังถือว่าสามารถเข้าเก็งกำไรได้ แม้ว่าราคาจะยังไม่ขยับผ่านแนวต้าน 2.84 และ 2.82 บาทตามลำดับ แต่ก็ยังยืนอยู่ในตำแหน่งที่ดีของการเข้าทดสอบ หากผ่านได้ก็น่าจะวิ่งได้แรงโดยมีเป้าหมาย 3 บาท แนะซื้อเก็งกำไร
- PTTCH (ปิด 149.50 บาท +2 บาท) ราคาผ่าน 148 บาทแล้ว ก็เหลือแนวต้าน 153 บาท หากผ่านได้อีก ก็จะเปลี่ยนเป็นขาขึ้น ซึ่งตามสัญญาณต่างๆ แล้ว ถือว่ามีลุ้นทีเดียว แนะนำ ถือ หรือ ซื้อเก็งกำไร แนวรับ 148 / 144 บาท แนวต้าน 153 / 157 บาท

HMPRO: ปัจจัยพื้นฐานแกร่ง


พื้นฐานแกร่ง ราคาหุ้นมี Upside กว่า 43%
เรายังคงมุมมองเป็นบวกต่อ HMPRO ราคาหุ้นล่าสุดที่ปรับลดลง เพราะความกังวลมากเกินไปต่อความเป็นไปได้ที่ QH อาจขายหุ้น HMPRO ออกไป แต่เราเห็นว่าเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งอย่าง HMPRO จึงคงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 12 บาท

กำไรสุทธิ 4Q53 โตอย่างแข็งแกร่ง
HMPRO มีกำไรสุทธิ 536 ล้านบาท ใน 4Q53 เพิ่ม 39%YoY และ 38%QoQ เป็นไปตามที่เราคาดไว้ แต่สูงกว่าประมาณการ Consensus  โดยผลการดำเนินงานรวมยังสดใสแม้เผชิญปัญหาน้ำท่วมใน 4Q แต่ยอดขายต่อสาขาเดิมโตราว 7-8% ด้านอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่ม 86bps เป็น 25.1% โดยบริษัทให้ข้อมูลว่าล่าสุดการเติบโตยังมีโมเมนตัมต่อเนื่อง สำหรับปี 53 มีกำไรสุทธิ 1.64 พันล้านบาท โต 15%

จ่ายหุ้นปันผลและเงินปันผล XD วันที่ 12 เม.ย.นี้
บริษัทประกาศจ่ายหุ้นปันผลอัตราส่วน 6 หุ้นเดิม ได้ 1หุ้นปันผล และเงินปันผล 0.0193 บาท/หุ้น กำหนด XD วันที่ 12 เม.ย. และจ่ายปันผลวันที่ 29 เม.ย.นี้ คาดหุ้นปันผลจะทำให้เกิด dilution ราว 14%

คาดกำไรปี 54 โต 27%
เราคงประมาณการกำไรปี 54 ไว้ที่ 2.07 พันล้านบาท โต 27% ภายใต้สมมติฐาน 1) สาขาใหม่เพิ่ม 4 แห่ง 2) ยอดขายต่อสาขาเดิมโต 8.5% 3) อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่ม 40bps เป็น 25.4% ทั้งนี้ บริษัทจะจัดประชุมนักวิเคราะห์วันที่ 22 เม.ย. มีแนวโน้มเชิงบวกจากการประกาศเพิ่มสาขาในปี 54 โดยล่าสุดเราประมาณการบนเป้าหมายจำนวนสาขาตามปกติ 

source: ktzmico.com
 

6 เคล็ดไม่ลับ สร้างเงินออมในสภาวะความไม่แน่นอน โดย วีระพล บดีรัฐ

6 เคล็ดไม่ลับ สร้างเงินออมในสภาวะความไม่แน่นอน
โดย วีระพล บดีรัฐ

http://www.tsi-thailand.org/images/stories/TSI2009_Investor/Articles/TSI-Article_PF_033.pdf


เป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาก

ปัจจัยเสี่ยงระยะสั้น

ปัจจัยเสี่ยงระยะสั้นของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ช่วง ก.พ. 2554 ยังมีอยู่ อ่านข้อมูลได้จาก ลิ้งข้างล่างนี้

http://kinvestmentportal.kasikornsecurities.com/fileadmin/pdf/English/1/5/2011/02/110216_Daily_View_T58403.pdf

การวิเคราะห์ การลงทุนแบบพิ้นฐาน โดยใช้ปัจจัยทางเศรษฐกิจ

วัตถุประสงค์การวิเคราะห์แบบพื้นฐานโดยใช้ข้อมูลทางเศรษฐกิจ
        การวิเคราะห์ตัวแปรทางเศรษฐกิจ มีจุดมุ่งหมายเพื่อการคาดการณ์แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในอนาคต ทั้งแนวโน้มระยะสั้นในช่วง 1 ปีข้างหน้า และแนวโน้มระยะยาวตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปีขึ้นไป ว่าสถานการณ์อะไรบ้างที่จะกระทบต่อราคาหุ้น และการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุน โดยผู้วิเคราะห์
จำเป็นต้องดูทั้งสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ และสภาวะเศรษฐกิจ
ต่างประเทศ เนื่องจากสถานการณ์การเงินในปัจจุบันมีการเปิดเสรีมากขึ้น
ดังนั้น สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศอื่นก็สามารถส่งผลกระทบต่อ
ตลาดการเงิน และการลงทุนภายในประเทศได้เช่นเดียวกัน
ตัวชี้วัดและเครื่องมือบ่งชี้ที่นักลงทุนควรใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจ

1.วัฏจักรเศรษฐกิจ
เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักลงทุนทราบว่า ณ
ขณะปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศ หรือเศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงใด ซึ่งปกติวัฏจักรเศรษฐกิจจะแบ่งเป็น 4 ช่วงได้แก่ เศรษฐกิจรุ่งเรือง (Peak) เศรษฐกิจหดตัว (Contraction) เศรษฐกิจต่ำสุด (Recession or Trough) และเศรษฐกิจขยายตัว (Recovery)
  • เศรษฐกิจรุ่งเรือง (Peak) เป็นจุดสูงสุดของวัฏจักร ระบบเศรษฐกิจมีประสิทธิภาพสูงสุดทั้งการผลิตบริโภค
  • เศรษฐกิจหดตัว (Contraction) เป็นช่วงที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่ม
    ลดลง GDP ต่ำลง การผลิตและการจ้างงานลดลง รายได้ครัวเรือนลดลง
  • เศรษฐกิจต่ำสุด (Recession) ช่วงเวลานี้การว่างงานสูง ความต้องการสินค้าโดยรวมลดลง สินค้าที่ผลิตขึ้นมาไม่สามารถขายได้
  • เศรษฐกิจขยายตัว (Recovery) เป็นช่วงที่การผลิตและการจ้างงานเริ่มเพิ่มขึ้น รายได้และรายจ่ายของครัวเรือนสูงขึ้น ทิศทางการลงทุนมี
    แนวโน้มดีขึ้น
    ที่มา http://www.tsi-thailand.org/index.php?option=com_content&task=view&id=175&Itemid=166

Monday, February 14, 2011

ลงทุนทำธุรกิจในฝัน

ตั้งแต่เด็กผมเป็นคนที่มองหาลู่ทางในการทำเงินมาตลอด  ความยากจนและความกลัวว่า  พรุ่งนี้เราจะมีอะไรกินไหม  ทำให้ผมเป็นคนประหยัดขณะเดียวกันก็พยายามหา  หนทางแห่งความร่ำรวย  ซึ่งในสมัยก่อนดูเหมือนว่าจะมีทางเดียวนั่นคือ  ทำธุรกิจ
            ผมขายขนมตั้งแต่ยังอยู่ชั้นประถมนั่นเป็นธุรกิจแรก ๆ  ที่ผมทำและทำได้สำเร็จ  แต่นั่นก็เป็นธุรกิจเล่น ๆ  ที่ทำในตอนปิดเทอมเสียมากกว่า  ต่อมาเมื่อผมเรียนในมหาวิทยาลัย  ความคิดก็ก้าวหน้าขึ้น  ธุรกิจที่ผมเริ่มคิดทำส่วนใหญ่อยู่ในเรื่องของการเกษตรทั้งที่ผมเรียนวิศวกรรม  เหตุผลคงเป็นเพราะว่าในขณะนั้น  ประเทศไทยเริ่มจะมีการพัฒนาในเรื่องของการเกษตรที่เป็นธุรกิจ  มีการใช้วิชาการเพื่อผลิตสินค้าการเกษตรแบบก้าวหน้า  อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ  การทำการเกษตรนั้น  ใช้เงินลงทุนน้อยมากโดยเฉพาะในตอนเริ่มต้น   ผมอาศัยสวนของเพื่อนแถวถนนจันทร์เป็นที่ทดลอง  ดังนั้นต้นทุนเรื่องสถานที่ก็ไม่มี   ส่วนเงินในการซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ  นั้น  ผมอาศัยเงินที่บางส่วนมาจาก ทุนการศึกษาเด็กยากจน  ที่ผมได้รับมาเกือบตลอดสี่ปีที่เรียนมหาวิทยาลัย
            ธุรกิจแรกดูเหมือนจะเป็นการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามซึ่งกำลังฮือฮากันในช่วงนั้นซึ่งก็คือประมาณปี 2516-17  นี่เป็นธุรกิจที่ถ้าทำได้สำเร็จก็น่าจะทำกำไรได้งดงาม  เพราะกุ้งมีราคาสูงมากและบริโภคกันในหมู่คนมีเงิน  เหนือสิ่งอื่นใด  กุ้งส่วนใหญ่ต้องจับจากแม่น้ำซึ่งหายากขึ้นเรื่อย ๆ   ผมตัดสินใจทำโดยอาศัยท้องร่องสวนหมากของเพื่อน  กั้นท้องร่องด้วยตาข่าย  จัดการกับปลาที่อาจจะมีอยู่  แล้วก็ซื้อลูกกุ้งมาปล่อย  ให้อาหารสำเร็จ   จากนั้นก็รอมันโต  ผลก็คือ  กุ้งนั้นแทบไม่เหลือ  แต่ปลากลับชุกชุมขึ้น  บทเรียนก็คือ  การจัดการกับปลาในท้องร่องสวนไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะเวลาฝนตกที่ปลามันสามารถผ่านตาข่ายมากินกุ้งตัวเล็ก ๆ  ได้
            ธุรกิจต่อมาดูเหมือนจะเป็นเห็ดฟาง  นี่ก็เป็นผลิตภัณฑ์การเกษตรตัวใหม่ที่เริ่มร้อนแรง  ผมเดินทางไป  ดูงาน  ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และซื้อเชื้อเห็ดฟางซึ่งเขาบรรจุอยู่ในกระป๋องนมผงเด็กขาย  โรงเพาะเห็ดของผมก็  เช่นเคย  อยู่ในสวนหมากของเพื่อน  ผมซื้อฟางและพลาสติกคลุมเพื่อรักษาอุณหภูมิ  การเพาะเห็ดเริ่มขึ้น   แต่เมื่อถึงเวลาที่เห็ดควรโต  ผมกลับพบเชื้อราเป็นส่วนใหญ่  บทเรียนก็คือ การควบคุมความสะอาดของฟางและการรักษาความชื้นและอุณหภูมิของโรงเพาะคงไม่ใช่เรื่องง่าย
            ผมจำได้ว่ายังเคยลองทำการเพาะลูกน้ำหรือก็คือลูกยุงที่ยังอยู่ในน้ำที่เอาไว้ใช้เลี้ยงปลาสวยงาม  วิธีการก็คือ  เอาถาดน้ำไปรองรับมูลไก่เพื่อล่อให้ยุงมาวางไข่  หลังจากนั้นก็เอากระชอนไปตักลูกน้ำขายได้  ธุรกิจนี้ก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน  เพราะลูกน้ำบางส่วนได้โตกลายเป็นยุงไปรบกวนเจ้าของบ้าน   ผมจบความพยายามในการทำธุรกิจในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยพร้อมกับความล้มเหลว  ส่วนหนึ่งหรือส่วนใหญ่อยู่ที่การไม่มีเวลาเพียงพอเนื่องจากการเรียนที่หนักและการทำกิจกรรมนักศึกษาที่ผมใช้เวลาค่อนข้างมาก
            ผมยังเคยทำงาน  รับเหมา  ก่อสร้างเล็ก ๆ  น้อย ๆ  ในช่วงที่เป็นวิศวกรโรงงาน  นี่คือการรับงานจาก  เถ้าแก่  ที่เป็น  หลงจู๊ ของโรงงาน  เป็นการหารายได้เสริมในบางช่วงบางตอน  หลังจากนั้นผมก็ไปเรียนต่างประเทศในสายการเงินและกลับมาทำงานในแวดวงการเงิน  แต่ความคิดของการทำธุรกิจไม่เคยหมดไป  ผมเริ่มทำธุรกิจที่ใหญ่และเป็นมืออาชีพมากขึ้น  นั่นคือช่วงประมาณปี 2528-2529
            ธุรกิจแรกที่ทำก็คือ  การตั้งโรงเรียนสอนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลซึ่งกำลังเริ่มมีการใช้มากขึ้น   ธุรกิจนี้มีเพื่อนเข้าร่วมลงทุนกันหลายคน  ผมคิดว่าถ้าสำเร็จก็คงขยายตัวไปได้มหาศาล  เหนือสิ่งอื่นใด  เรามีคนสอนที่มีความรู้และความสามารถระดับ  ท็อป ๆ ของประเทศ    แต่เนื่องจากเป็นการลงทุนที่น้อย  เราจึงตั้งโรงเรียนอยู่ในตลาดที่คนทั่วไปมองไม่เห็น   การหานักเรียนเราต้องโฆษณาย่อยในหนังสือพิมพ์  ทุกครั้งที่โฆษณาก็จะได้นักเรียนมาจำนวนหนึ่ง  แต่พอโฆษณาหมดนักเรียนก็หาย  คนเรียนคอมพิวเตอร์นั้นเรียนกันสั้นมากเพียง 1-2 เดือนก็เลิกแล้ว  ดังนั้น  การทำการตลาดจึงแพงมาก  ในที่สุดโรงเรียนก็ปิดตัวลงทั้ง ๆ  ที่เราเป็นรายแรก ๆ  ที่เข้ามาในวงการนี้  บทเรียนก็คือ  การตลาดสู่ผู้บริโภคในวงกว้างนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
            ธุรกิจต่อมาก็คือ  การเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจ ไฮเท็ค  ที่ถึงวันนี้ผมก็จำไม่ได้แล้วว่าเขาจะทำอะไร   แต่ในช่วงนั้นกระแส  สมองไหลกลับ  กำลังมาแรง  เป็นช่วงที่เมืองไทยกำลัง โชติช่วงชัชวาล  เศรษฐกิจโตระดับสิบเปอร์เซ็นต์ต่อปี   มีคนไทยที่โตที่อเมริกาและทำงานเป็นวิศวกรในธุรกิจไฮเท็คกลับมาลงทุนทำธุรกิจในเมืองไทย  โดยจะตั้งโรงงานและผลิตสินค้ากลับไปขายที่อเมริกา   เขามาระดมทุนจากคนในวงการ  ผมเองก็ ฝันว่าธุรกิจน่าจะประสบความสำเร็จและถ้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ก็น่าจะได้ผลตอบแทนมหาศาล  ผลก็คือ  ผมจ่ายเงินเป็นแสนบาทและได้ใบหุ้นมาเก็บไว้   หลังจากนั้นผมก็ได้ข่าวกระท่อนกระแท่นและสุดท้ายทุกอย่างก็เงียบหายไป  ผมคิดว่าการตั้งโรงงานคงไม่สำเร็จ  อาจจะเป็นเพราะเงินไม่เพียงพอหรืออะไรก็สุดจะเดา  บทเรียนก็คือ  ความฝันนั้น  เป็นเรื่องที่อันตรายที่สุดสำหรับการลงทุน
            ธุรกิจลำดับต่อมานั้น  ผมเริ่มมีประสบการณ์มากขึ้น  มองหา เนื้อหนัง  มากขึ้น  เป็นธุรกิจที่ดำเนินงานอยู่แล้วแต่กำลังมีโครงการระดับ  เปลี่ยนพื้นฐาน ของกิจการ  ผมคิดว่าถ้าสำเร็จก็น่าจะ  รับเละ เป็นธุรกิจเรือเฟอร์รี่ที่กำลังมีโครงการใหญ่  แนวคิดก็คือ  จะ ปฏิวัติ การขนส่งที่ลงไปทางใต้ของประเทศ  นั่นก็คือ  แทนที่รถสิบล้อจากกรุงเทพจะต้องวิ่งไปส่งสินค้าถึงภาคใต้เช่นหาดใหญ่  เขาจะให้รถวิ่งไปลงเรือเฟอร์รี่ที่สามารถรับรถได้หลายสิบคันที่ชลบุรี  แล้วเรือก็แล่นไปหาดใหญ่  จากนั้นรถก็จะวิ่งขึ้นจากเรือไปส่งของต่อ  วิธีนี้จะประหยัดค่าน้ำมันมหาศาล  ดังนั้น ถ้าสำเร็จธุรกิจก็น่าจะกำไรมาก  ผมลงทุนไปหลายแสนบาทและเงินต้องสูญเหลือแต่ใบหุ้น  บทเรียนก็คือ  มันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ความคิดแบบ ปฏิวัติ  มักจะไม่สำเร็จ  อย่าฝัน
            สุดท้ายที่ผมจะพูดถึงก็คือ  การฝันแบบ  ฟองสบู่  นี่คือการซื้อหุ้นที่หวังว่าเมื่อเข้าตลาดหุ้นได้  หุ้นก็จะมีค่ามากขึ้น  อาจจะเป็นหลายเท่าตัว  โดยไม่คำนึงถึง  มูลค่าพื้นฐาน  ของกิจการ   นี่คือกรณีของการลงทุนซื้อหุ้นก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ในยามที่ตลาดหุ้นกำลังบูมสุด ๆ  ก่อนวิกฤติในปี 2540 สามสี่ปี  มันเป็นธุรกิจโรงแรมใหม่กลางเมืองที่เพิ่งเขียนแปลนเสร็จ  เขาขายหุ้นและผมก็ไปซื้อไว้  ด้วยเหตุมากมาย  บริษัทไม่สามารถเข้าตลาดหุ้นได้และตลาดหุ้นก็ วายไปก่อน  บริษัทมีปัญหาทางการเงินและต้องปรับเปลี่ยนผู้ถือหุ้น  ทุกวันนี้โรงแรมก็เปิดดำเนินการอยู่  แต่ผมไม่เคยได้รับการติดต่อและไม่รู้ว่าใบหุ้นของผมเป็นเจ้าของโรงแรมหรือไม่  แต่ผมคิดว่าคงมีค่าเป็นศูนย์ไปแล้ว  บทเรียนก็คือ  อย่าไปหวังว่าฟองสบู่หุ้นจะช่วยให้คุณรวย  ความเสี่ยงมีมากเหลือเกิน  ดังนั้น  จะลงทุนอะไรต้องมองที่พื้นฐานของกิจการเป็นหลัก   และนั่นก็คือธุรกิจสุดท้ายที่ผมทำก่อนที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเต็มตัว